ฉัตรธิดา: สวัสดีคะ หนูชื่อฉัตรธิดา นามวงศ์ และก็นี่เพื่อนหนู ชื่ออนุรักษ์ กอเซ็ม เป็นนิสิตมหาวิทยาลัยบูรพาคะ
อนุรักษ์: สวัสดีครับ
ฉัตรธิดา: วันนี้เราสองคนจะขอสัมภาษณ์คุณลุงนะคะ คุณลุงชื่ออะไรคะ ช่วยเล่าประวัติของลุงหน่อยได้ไหมคะ
ลุงขนบ: ครับ ชื่อขนบ อังคะนาวิน
ฉัตรธิดา: แล้วคุณลุงประกอบอาชีพอะไรคะ ช่วยเล่าประวัติการทำงานหน่อยได้ไหมคะ
ลุงขนบ: เคยรับราชการเป็นครูนะ ครูส.ป.ช เก่า
อนุรักษ์: ตอนนี้ล่ะครับ
ลุงขนบ: อยู่แต่บ่าน อยู่กับหลาน ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไรแล้ว ปลดเกษียณตั้งแต่สิบสี่ปีแล้ว
อนุรักษ์: สวัสดีครับ
ฉัตรธิดา: วันนี้เราสองคนจะขอสัมภาษณ์คุณลุงนะคะ คุณลุงชื่ออะไรคะ ช่วยเล่าประวัติของลุงหน่อยได้ไหมคะ
ลุงขนบ: ครับ ชื่อขนบ อังคะนาวิน
ฉัตรธิดา: แล้วคุณลุงประกอบอาชีพอะไรคะ ช่วยเล่าประวัติการทำงานหน่อยได้ไหมคะ
ลุงขนบ: เคยรับราชการเป็นครูนะ ครูส.ป.ช เก่า
อนุรักษ์: ตอนนี้ล่ะครับ
ลุงขนบ: อยู่แต่บ่าน อยู่กับหลาน ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไรแล้ว ปลดเกษียณตั้งแต่สิบสี่ปีแล้ว
ฉัตรธิดา: พื้นเพเดิมอยู่ที่นี่เลยหรือเปล่าคะ
ลุงขนบ: ไม่ใช่ครับ เป็นคนฉะเชิงเทรา คนเมืองฉะ แต่เป็นฉะเชิงเทรานะ
ฉัตรธิดา: คิดว่าความรู้มีความจำเป็นและสำคัญต่อการประกอบอาชีพมากมั๊ยคะ
ลุงขนบ: อ่ะ ความรู้ต้องสำคัญครับ ไม่ว่าอะไรถ้าไม่มีความรู้ก็เสร็จหมด ต้องมีความรู้ไม่ว่าใครก็ตาม ความรู้นี่ มันติดตัวไปจนตายน่ะ ถ้าไม่มีความรู้เดี๋ยวก็แย่ ไม่ทันเหตุการณ์ ตอนสมัยโบราณไม่เหมือนสมัยนี้แล้ว ทันสมัยหมดสู้เด็กๆ ไม่ได้แล้ว
ฉัตรธิดา: ลุงมีวิธีการหาความรู้เพิ่มเติมอย่างไรบ้าง
ลุงขนบ: ปลดเกษียณแล้วไม่ได้หา แต่ตอนรับราชการต้องหาความรู้อยู่เรื่อยๆ ตอนนี้ปลดแล้วก็เลยวาง
อนุรักษ์: ลุงอ่านหนังสือพิมพ์บ้างหรือเปล่าครับ
ลุงขนบ: อ่านครับ แต่อ่านไม่หมด อ่านตัวใหญ่ๆ เล็กๆ มองไม่ค่อยเห็น
อนุรักษ์: หนังสือประเภทอื่นได้อ่านหรือเปล่าครับ
ลุงขนบ: ไม่ค่อยได้อ่าน อ่านแต่ไทยรัฐนะ ส่วนใหญ่
อนุรักษ์: ส่วนมากจะเป็นหนังสือพิมพ์หรือครับ
ลุงขนบ: หนังสือพิมพ์และก็หนังสือพระเครื่อง
ฉัตรธิดา: คิดว่าการอ่านหนังสือพระเครื่อง มีประโยชน์อย่างไรบ้าง
ลุงขนบ: มีเหมือนกันนะ ทำให้จิตใจเราแบบผ่องใสครับ มีความสุขอะไรอย่างเนี่ยนะ เพลิดเพลินด้วย
ฉัตรธิดา: ลุงจะแนะนำให้คนอื่นนั้นมาอ่านหนังสือพระได้มั๊ยคะ
ลุงขนบ: โอย ไม่ต้องบอกหรอกครับ เพราะหนังสือมันมีโฆษณาอยู่แล้ว ใครสนใจก็อันนี้เขาไม่ได้บังคับนี่ แล้วแต่ใครสนใจก็เอา จะธรรมะธรรมโมก็แล้วแต่
ฉัตรธิดา: คิดว่าจากที่เป็นคุณครูสอน สอนวิชาอะไรนะคะ
ลุงขนบ: ครั้งแรกเป็นครูน้อย แล้วก็มาเป็นผู้บริหาร
ฉัตรธิดา: คิดว่าการศึกษาที่เห็นในสมัยก่อนกับตอนสมัยนี้มีการพัฒนามากไหม
ลุงขนบ: โอ้ย แน่นอนเดี๋ยวนี้เขาพัฒนาไปไกลแล้ว ก้าวหน้าไปเยอะ สมัยก่อนมันยังไม่มีอะไรหลายอย่าง แต่ตอนนี้มีคงมีคอม งงไปหมด สมัยก่อนไม่มี
อนุรักษ์: คิดว่าหนังสือกับคอมพิวเตอร์ บทบาทอะไรสำคัญกว่ากันครับ
ลุงขนบ: ผมคิดว่าคอมพิวเตอร์น่าจะดีกว่า
ฉัตรธิดา: ทำไมคิดอย่างนั้นคะ
ลุงขนบ: ก็มันทันสมัย ทันเหตุการณ์ ก้าวทันโลกนะ
ฉัตรธิดา: แล้วถ้าเกิดไฟดับล่ะคะ
ลุงขนบ: ไฟดับก็จุดเทียนสิ ไฟดับมันก็ต้องหาเทียนมาจุด
ฉัตรธิดา: จุดเทียนใช้คอมไม่ได้นะคะ
ลุงขนบ: ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ก็ยังดีเดี๋ยวมันก็ต้องติดแล้ว ตอบแบบชาวบ้านนะ
ฉัตรธิดา: ลุงบอกว่าคอมดี แล้วลุงได้ใช้คอมหรือเปล่าคะ
ลุงขนบ: โอ้ยผมปลดฯก่อนนะ เริ่มจะได้ใช้พอดีผมเกษียณ ปลดมาสิบสี่ปีแล้ว
ฉัตรธิดา: งั้นจะขอถามอายุจะได้ไหมคะ
ลุงขนบ: อ๋อ เจ็ดสิบสี่แล้ว ยังไม่เกิดกันเลยมั้งเนี่ย สมัยนี้มันเกร่อแล้ว สมัยก่อนมันไม่ค่อยมี สมัยก่อนตอนผมเด็กๆ หลอดไฟยังไม่มีเลย ใช้แบบจุดตะเกียง
ฉัตรธิดา: คุณลุงคิดว่าคอมพิวเตอร์ให้ความรู้
ลุงขนบ: ให้ครับ ให้กว้างขวาง แต่ต้องรู้จักใช้นะ ไม่รู้จักใช้มันก็ไม่ดี ผมมันไม่ก้าวหน้า สมัยนี้ผมไม่ทันเด็กหรอก สมัยก่อนไอ้มือถงมือถือไม่มีทั้งนั้น โบราณนะกว่าจะได้ใช้ที โทรศัพท์ก็แทบยกมาเป็นอะไร คล้ายๆ ว่าเป็นหีบ โทรศัพท์มาทีก็วิทยุมากันทั้งหมู่บ้าน มีที่บ้านผู้ใหญ่บ้านเพียงแห่งเดียว
อนุรักษ์: คุณลุงดูโทรทัศน์ไหมครับ
ลุงขนบ: ดู
อนุรักษ์: จากเมื่อก่อนกับตอนสมัยนี้ คุณลุงคิดว่ามีการพัฒนาไปไกลไหมครับ
ลุงขนบ: ไกลมาก ไกลมากแบบทันโลกเลย ทั่วโลกก่อนไม่ค่อยรู้จักเลย จะรบสงครมสงครามอะไรก็ใช้โทรทัศน์ วิทยุเอาทั้งนั้นแหละ เพราะไม่รู้ไม่เห็น สมัยนี้เห็นตัวหมด เห็นอะไรหมด
อนุรักษ์: ส่วนใหญ่ดูโทรทัศน์ ลุงดูรายการอะไรครับ
ลุงขนบ: มันก็ทั่วไปนะ แต่ข่าวก็ชอบแล้วก็หนังจีน ยิ่งชอบเลย พวกฟันดาบนะ หนังอะไรที่ไม่มีประโยชน์ที่ไม่มีสาระก็ไม่ดู
อนุรักษ์: อย่างที่ลุงชอบดูหนังจีนนี่ เคยอ่านหนังสือพวกกำลังภายในมั๊ยครับ
ลุงขนบ: ไม่เคยอ่านหรอกได้แต่ดู
อนุรักษ์: แล้วบ้านลุงอยู่ตรงนี้หรอครับ
ลุงขนบ: ตอนนี้หรอ พักอยู่หาดวอนนภาศัพท์ ใกล้โรงเรียนโน้น
ฉัตรธิดา: กิจวัตรประจำวันของลุงนี่ทำอะไรบ้างคะ ในหนึ่งวัน
ลุงขนบ: มันก็อยู่กับหลานไม่ได้ทำอะไรหรอก บางทีก็มาเล่นหมากรุกหมดเวลาไปวันๆ คลายเครียดไม่รู้จะไปไหน
ฉัตรธิดา: คิดว่าลุงได้ประโยชน์อะไรจากหมากรุกบ้าง
ลุงขนบ: ฝึกสมองด้วย ทำให้ไม่เป็นโรค อะไรนะ โรคไอ้สมองเสื่อมนะ ไซเมอร์ ไซเมอร์ อะไรเนี่ยแหละ
ฉัตรธิดา: สอนหนูเล่นหมากรุกบ้างจะได้ไหมคะ
ลุงขนบ: สอน ผมสอนไม่ได้อ่ะ น้องเก่งกว่าแล้วสมัยนี้ สอนใครไม่ได้หรอก
ฉัตรธิดา: หนูเล่นหมากรุกไม่เป็น
ลุงขนบ: ไม่เป็นก็สอนได้ ผมเป็นคนเล่นไม่ค่อยเป็นเท่าไหร่หรอก เล่นเอาสนุกไปวันๆ
อนุรักษ์: ลุงเล่นศึกษาเองหรือครับ
ลุงขนบ: ครับ มาเล่นตอนเป็นครูใหม่ๆ
อนุรักษ์: แล้วลุงเดินทางมาร้านนี้ยังไงครับ
ลุงขนบ: ไหนครับ มารถเครื่อง ผมมีรถใหญ่ที่บ้านแต่ขับไม่เป็น มีรถเครื่องเก่าๆ สามสิบกว่าปีแล้ว
ฉัตรธิดา: แล้วมาเล่นหมากรุกที่นี่ ทุกวันเลยหรอคะ
ลุงขนบ: แทบทุกวันครับ แทบน่ะ ไม่ใช่ทุกวัน แต่ก็เกือบๆ ทุกวัน วันไหนไม่ว่างเพราะติดธุระ ก็ไม่ได้มา ที่เล่นเยอะไปทางตาลล้อมก็มี แต่นักเล่นเค้ามาทางนี้ ทางนู้นก็ไม่มีคน มันหายไป หายไป
อนุรักษ์: เป็นกลุ่มคนเล่นเลยหรอครับ
ลุงขนบ: พอมีสี่ห้าคน บางคนเค้าเล่นพนัน แต่ผมพนันไม่เป็น เสียดายเงิน เพื่อนอยากกินอะไรก็เลี้ยงได้ พนันมันมือสั่นมันไม่กล้า ถ้ากินเลี้ยงก็เลี้ยงได้ ถ้าเล่นแพ้เลย บุหรี่ก็สูบไม่เป็นนะ เหล้าก็ไม่กิน พวกที่มาเล่นที่เมามาผมก็ไล่ออกไปเรื่อย เมาแล้วพูดไปเรื่อย
อนุรักษ์: แล้วหนังสือพระที่ลุงอ่าน ซื้อเองเลยหรอครับ
ลุงขนบ: ซื้อ
ฉัตรธิดา: แล้วอัตราการซื้อบ่อยไหมคะ
ลุงขนบ: ไม่บ่อยแล้ว แต่ก่อนบ่อย ซื้อเป็นพันๆ เช่าพระบางครั้งก็เป็นหมื่น องค์เป็นหมื่นกว่าบาทก็มีบางทีก็เป็นหมื่นห้า เปลืองเงิน เราชอบนี่แต่ขายไม่ค่อยได้ แต่ก่อนยังมีขายได้เป็นแสนนะ ตอนนี้ขายไม่ออก เพราะว่าเศรษฐกิจไม่ดี มีก็แต่พวกแลก พระเราดีๆ ไปแลกกับพระเก๊ก็มีโอ้ยโดนบ่อย
ฉัตรธิดา: ส่วนใหญ่ลุงไปดูแหล่งดูพระที่ไหน
ลุงขนบ: ก็ไม่ค่อยได้ไปนะ แต่ตอนนี้เขามาที่บ้านเองเลย เซียนพระเขาจะมา มาที่บ้าน มาเช่า มาแลก
ฉัตรธิดา: แล้วเวลาจะซื้อหนังสือพระนี่ไปซื้อที่ไหนคะ
ลุงขนบ: หนองมนครับ
อนุรักษ์: ที่ในห้างแหลมทองมีไหมครับ
ลุงขนบ: ห้างไหน
อนุรักษ์: ห้างแหลมทอง ร้านหนังสือเข้าไปไหมครับ
ลุงขนบ: โอ๊ย บ่อย เคยเข้าไปดูแต่ไม่ชอบ ดูอย่างเดียวแต่ไม่ซื้อ
อนุรักษ์: มีหนังสือพระมั๊ยครับ
ลุงขนบ: มีหลายอย่าง มีๆ แต่ไม่ได้สนใจหรอก
อนุรักษ์: ร้านที่ไปซื้อนี่ ร้านคนรู้จักหรือครับ
ลุงขนบ: ร้านเกษากรนี่ไง ที่ขายหนังสือพงหนังสือพิมพ์ ด้วยไง
ฉัตรธิดา: เห็นบอกเป็นร้านใหญ่
ลุงขนบ: อืมๆ ร้านใหญ่ นี่อยู่เอกอะไรกันครับ
ฉัตรธิดา/อนุรักษ์: บรรณาธิการศึกษาค่ะ/ครับ
ลุงขนบ: ฮึ บรรณาธิการ พวกหนังสือพิมพ์หรอ
ฉัตรธิดา: เปล่าค่ะ เราเป็นพวกหนังสือเล่ม
ลุงขนบ: อ้าว หนังสือเล่มหรอ ผมไม่รู้ ออกมาไม่เคยเจอไม่เคยได้ยิน
ฉัตรธิดา: เป็นหนังสือทั่วไปแหละคะ
ลุงขนบ: ทั่วไป
ฉัตรธิดา: อ่านเล่น แล้วก็จะมี บรรณาธิการ คอยดูแลนะคะ
ลุงขนบ: มีหลายอย่างนะ หนังสือพิมพ์ก็ได้ หนังสือพระ หนังสืออะไรก็ได้
ฉัตรธิดา: มีนิตยสารด้วยคะ
ลุงขนบ: นิตยสาร
ฉัตรธิดา: คืออะไรที่เป็นเล่มนะคะ
ลุงขนบ: ครับๆ อือเรียนแบบนี้ด้วย สมัยก่อนไม่มี
ฉัตรธิดา: เป็นครั้งแรกเหมือนกันค่ะ
ลุงขนบ: เมื่อก่อนไม่ค่อยมี
ฉัตรธิดา: แล้วหนูเป็นรุ่นแรกด้วยนะคะ
ลุงขนบ: มันไปถึงนู้นเลยนะ สมัยก่อนไม่ค่อยมี พึ่งเคยเจอเนี่ยแหละ เยอะแยะออกใหม่
อนุรักษ์: คุณลุงมีความคิดเห็นเกี่ยวกับหนังสือสมัยนี้อย่างไรบ้างครับ
ลุงขนบ: สมัยนี้กับสมัยโบราณหรือฮะ ปัจจุบันมันดีกว่าเยอะ ก้าวหน้านะครับ แต่มันจะเสียเรื่องศีลธรรมมีน้อยไปหน่อย ส่วนมากมันจะเห็นแก่ตัว คือใครปากยาวสาวได้สาวเอาเลยล่ะ ไม่เหมือนโบราณ โบราณเนี่ยมีเพื่อน สมัยนี้มันไม่มี แม้กระทั่ง ต้นกระทงกระเทียม มันขายได้หมด โหระพงโหระพา แต่ก่อนให้ฟรี เดี๋ยวนี้เสียเงินหมด เป็นเงินหมดหายใจเป็นเงินเป็นทอง
อนุรักษ์: หนังสือพระที่ลุงอ่านตั้งแต่อดีต และปัจจุบันนี้เหมือนกันหรือเปล่าครับ
ลุงขนบ: มันก็คล้ายๆ ใกล้เคียงกันนะ เขียนบอกอย่างเห็นๆ รูปร่างลักษณะของพระแต่ละรูป เป็นยังไง อย่างนี้เรียกอะไร เป็นอย่างนั้น
ฉัตรธิดา: ภาษาในหนังสือพิมพ์ล่ะคะ คิดว่ารุนแรงไหม
ลุงขนบ: เอ่อ มันก็รุนแรงนะกับสื่อบางอย่าง มันก็เชื่อไม่ค่อยได้หรอก เพราะเห็นแก่เงิน คนไหนให้เงิน มันก็เอาสมัยก่อนมันยังเคยเอาผมไปลงเล่นหมากรุกเลย อะไรอ่ะ เลิกเรียนแล้วมันไม่เกี่ยวกันแล้ว เออไม่ได้เล่นในเวลาราชการนี่ อย่างคุณตอนเย็นเลิกเรียน นิสิตจบแล้ว เราจะทำอะไรก็ได้ ตอนหลังมันดีใหญ่ ไปไหนกระถงกฐินอะไร มันมาเรื่อยจ่ายให้มันไปเรื่อย แหมมันดีใจใหญ่ แต่ก่อนเราไม่เคยเข้าไปยุ่ง ไม่หรอกไม่เคยประจบ ประจบไม่เป็น ผมรับราชการไม่ค่อยเจริญเท่าไหร่ เพราะว่ามันไม่มีเจ้านาย เจ้านายสมัยนี้มันชอบเจ้านายนะ ใครๆ ไม่ชอบเจ้านาย ผมไม่เชื่อหรอก ผมมีคติอยู่อันหนึ่งนะ แต่มันหยาบหน่อยนะ ขอพูดถึงเลยนะ “สายโลหิต (สายโลหิตที่เกิดมานะ) ศิษย์ตามนาย สายอีหนู สู้ไม่ถอย ล่อไข่แดง แกร่งวิชา(แกร่งวิชานี่ไม่ค่อยเท่าไหร่) คนเก่งไม่ค่อยได้เจริญเท่าไหร่ ” คนไหนติดตามนายก็จะได้ แต่ก็สู้สายโลหิตไม่ได้ มันจริงเปล่าไม่รู้นะ ไอ้เรามันไม่ค่อยก้าวหน้า ติดตามนายไม่เป็น ประจบไม่เป็น คนไหนแกร่งวิชาได้นิดเดียว รับราชการบางอย่างต้องเข้าเขานะ เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม ไม่งั้นตาย คติเป็นอย่างนั้น และก็ไม่ผิดด้วยนะ บางคนอยากเลื่อนขั้นหาเด็กให้เจ้านาย เฮียผมยังเอาเลย ไม่หยาบนะ ต้องหาให้เจ้านายเหมือนก่อน ตอนหลังได้ 2 ขั้น เมื่อก่อนไม่ค่อยได้ ลองให้เพื่อนติดต่อให้ แต่เราออกเงิน
ลุงกิตติ: ครูเขาเปิดเผยความจริงออกมา
ลุงขนบ: เอ้า เรื่องจริง รับราชการมันเป็นอย่างนั้น ไม่งั้นไม่รุ่ง แต่ก่อนผมชอบฝ่ายค้าน แต่ไม่เจริญนะ
ลุงกิตติ: ต้องมีเส้นมีสายใช่ไหม
ลุงขนบ: แหมไอ้ 2 ขั้นที่ได้มาเพราะ หาเด็กให้เจ้านาย แหมได้งานจริงๆ เรื่องจริงนะ จะมาว่าลุงหยาบไม่ได้นะ พูดให้ฟังมันเป็นแบบนี้ รับราชการบางอย่างต้องเอาเจ้านาย
ลุงกิตติ: ดังนั้นการเมืองต้องมีพวกมีเส้นสาย
ลุงขนบ: ก็ต้องมีใครไม่มีไม่ได้ แย่เลย เราสิทีแรกไม่รู้ ขนาดเอาหน่อยๆ ยังได้ 5 หนไม่งั้นบางคนเขาได้เป็นสิบๆ มันได้ผลตอนเวลาบำนาญเรานี้แหละถ้าเราไปเร็วมันได้เร็ว ถ้าไม่งั้นเราได้เงินนิดเดียว นี่ปัจจุบันก็ได้สองหมื่นกว่าบาทโบราณนะ แหมสมัยนี้ก็บานแล้วห้าหกหมื่นไปเร็ว สมัยก่อนไม่มีผอ. เดี๋ยวนี้อะไรนะ เด็ก ครูใหญ่ อาจารย์ใหญ่ ไม่มีแล้วนา ผอ.หมด เงินประจำตำแหน่งมีแล้ว สมัยโบราณนะกว่าจะได้ต้องไปทำงานแทบตาย ตอนนั้นผมจะเป็น ผมจะเข้าทำเป็นอาจารย์ใหญ่ ต้องเข้าหา ดร.สุระ นะที่กรุงเทพฯ แหมต้องเข้าหาตัวใหญ่ๆ นะ ยังไม่ค่อยได้เลย เค้ามีตำแหน่งให้สมัยนี้ได้หมด
ลุงกิตติ: คณะอะไรนะ
อนุรักษ์: มนุษยศาสตร์ฯ ครับ
ลุงขนบ: มนุษยศาสตร์หรอ พวกนี้เก่งภาษาไทย ลูกสาวก็เรียนมนุษยศาสตร์ฯ นะ ตอนนี้สอนอยู่สมุทรฯ
ฉัตรธิดา: เป็นคุณครูหรอคะ
ลุงขนบ: ลูกสาวคนโตเป็นครู เค้าเป็นอาจารย์สามแล้วนะ ไปเร็วเด็กสมัยใหม่ รุ่นผมกว่าจะได้ตั้งปีโอ้ย นานจริงๆ บรรจุครั้งแรก 450 บาทเท่านั้นแหละ เงินเดือนนะ เพราะสมัยก่อนจบหกใช่มั๊ย แล้วผมก็มาสอบ อะไรนะ เขาเรียก เรียนปริญญาตรีเอาทีหลัง ไม่งั้นไม่ได้ เด็กสมัยนี้เค้าจบปริญญาปั๊บ อะไรนี่ (อ้าวเขาฟังผมโม้เพลินจนจะหลับไปแล้วนี่)
อนุรักษ์ / ฉัตรธิดา: ไม่เป็นไรครับคุยได้ คุณลุงอยากจะเล่าอะไรให้ฟังอีก เล่าได้เลยคะ
ลุงขนบ: อืม
อนุรักษ์: นิตยสารที่ลุงอ่านเป็นพระอย่างเดียวเลยหรอครับ ชื่ออะไรบ้าง
ลุงขนบ: โอ้ยมันมีชื่อแยะ เหลือเกินจำไม่ได้ มันมีหลายสีหลายคณะแข่งกัน ไม่มีเจ้าเดียวมีหลายเจ้า แต่ก่อนก็เคยอ่านของเชียร์ เชียร์นิตยสาร อะไรน่ะ จำไม่ค่อยได้แล้ว ปีนี้ไม่ค่อยได้สนใจแล้ว
ลุงขนบ: อะไรๆ เอามาอ่านสิ
ลุงกิตติ: ของลูกสาว
ลุงขนบ: ลูกสาวเรียนปริญญาตรีด้วยไม่ใช่เรอะ
ลุงขนบ: ก็นี่ไงปี 3 คณะมนุษย์ฯ เหมือนกัน
ลุงกิตติ: เรียนที่นี่หรอ อ๋อนี่ไงชื่อหมู่บ้านเขามีความหมายนะ มีอย่างไร หมู่บ้านนี้ก็ต้องมีประวัตินะ สมัย
ลุงขนบ: หนองมน ก่อนเขาเป็นน้ำมนต์ไง พระมาทำน้ำมนต์
ลุงกิตติ: หา
ลุงขนบ: อ้าวเขาเป็นน้ำมนต์นะ ไม่งั้นเขาจะชื่อหนองมนหรอ ไม่ไงจะชื่อหนองมนต์ได้ไง พระมาทำน้ำมนต์ คนก็มาอยู่กัน ทีแรกเรียกน้ำมนต์ก่อน ตรงที่เป็นหนองมน อย่างห้วยกะปิ ก็เพราะ กุ้งเยอะทำกะปิไง ขาก็เลยเรียกห้วยกะปิ
ลุงกิตติ: เฮ้ย เขามาจากชื่อคลองไม่ใช่เหรอ
ลุงขนบ: ไม่ใช่หรอกเขามาจากห้วย ห้วยก็เป็นห้วยน้ำ
ลุงขนบ: อย่างมาบมะยมที่ก็ต้นมะยมเยอะ
อนุรักษ์: แล้วหาดวอนละครับ หาดวอนนภา
ลุงขนบ: ก็นี่ไงยายวอน ยายวอนนภาศัพท์เขามาซื้อที่ไว้ไง ชื่อวอน คุณนายวอน นามสกุลนภาศัพท์ เป็นเมียหมอชิต แต่แกไม่ชอบแต่งตัวใครๆ ก็นึกว่าแกเป็นคนใช้นะ แกเป็นคนซื้อที่หาด แล้วก็ถวายให้พระราชินี นิดเดียว ไร่หนึ่งจะไปพออะไร
ลุงกิตติ: ก็ยังดีที่เขายังไง
ฉัตรธิดา: เมื่อนี้ม.บูรพา เป็นป่าชายเลนหมดเลยหรอคะ
ลุงขนบ: ตอนมามันยังไม่เป็น เป็นป่ารกรุงรังพูดง่ายๆว่ามันเป็นทุ่งเลี้ยงสัตว์ เป็นทุ่งเลย เลี้ยงวัวเลี้ยงควายเยอะ ก็แบบนั้นเต็มไปหมด
ลุงขนบ: ก็เหมือน พักยง ลูกน้องผมนะไปทำงาน เป็นครูใหญ่ เขาว่ามีแต่ทุ่ง โคกกระลุ่น ไร่มุมโค้ง ไร่ไม่กี่เท่าไร ไร่มีแต่ขี้หมาขี้อะไรทั้งนั้น ไร่ไม่ถึงพันนะ เดี๋ยวนี้ไม่รู้กี่สิบล้าน เขาบอกว่าเขามาใหม่ เขามีเงินมาหมื่นหนึ่งถ้าซื้อที่ไว้ ป่านนี้รวยไปแล้ว เมื่อก่อนเศรษฐกิจ ก๋วยเตี๋ยวมันชามไม่เท่าไหร่ ตอนผมบรรจุใหม่ๆ 450 นะ ทองบาทหนึ่ง 380บาท ก๋วยเตี๋ยวชามละบาทเอง
อนุรักษ์: สอน พ.ศ. อะไรครับ
ลุงขนบ: 2498
ลุงกิตติ: อ้าวจดไปเลย ความรู้ไม่มีในห้อง ข้อมูลดีๆ ทั้งนั้นแหละ แล้วมันได้ของแท้หรอ
ลุงขนบ: ของแท้สิของจริงๆ แต่ก่อนเงินเดือนพอซื้อทองได้บาทหนึ่ง เดี๋ยวนี้คนเงินเดือนเป็นหมื่นไม่พอซื้อทอง 450 เมื่อก่อนยังเหลือ เดี๋ยวนี้ไม่พอซื้อทอง
เพื่อนของลุงขนบ: มาๆ เล่นๆ หมากรุก
ลุงขนบ: เฮีย เขามาสัมภาษณ์ผมนะ
ลุงขนบ: ไม่ใช่ครับ เป็นคนฉะเชิงเทรา คนเมืองฉะ แต่เป็นฉะเชิงเทรานะ
ฉัตรธิดา: คิดว่าความรู้มีความจำเป็นและสำคัญต่อการประกอบอาชีพมากมั๊ยคะ
ลุงขนบ: อ่ะ ความรู้ต้องสำคัญครับ ไม่ว่าอะไรถ้าไม่มีความรู้ก็เสร็จหมด ต้องมีความรู้ไม่ว่าใครก็ตาม ความรู้นี่ มันติดตัวไปจนตายน่ะ ถ้าไม่มีความรู้เดี๋ยวก็แย่ ไม่ทันเหตุการณ์ ตอนสมัยโบราณไม่เหมือนสมัยนี้แล้ว ทันสมัยหมดสู้เด็กๆ ไม่ได้แล้ว
ฉัตรธิดา: ลุงมีวิธีการหาความรู้เพิ่มเติมอย่างไรบ้าง
ลุงขนบ: ปลดเกษียณแล้วไม่ได้หา แต่ตอนรับราชการต้องหาความรู้อยู่เรื่อยๆ ตอนนี้ปลดแล้วก็เลยวาง
อนุรักษ์: ลุงอ่านหนังสือพิมพ์บ้างหรือเปล่าครับ
ลุงขนบ: อ่านครับ แต่อ่านไม่หมด อ่านตัวใหญ่ๆ เล็กๆ มองไม่ค่อยเห็น
อนุรักษ์: หนังสือประเภทอื่นได้อ่านหรือเปล่าครับ
ลุงขนบ: ไม่ค่อยได้อ่าน อ่านแต่ไทยรัฐนะ ส่วนใหญ่
อนุรักษ์: ส่วนมากจะเป็นหนังสือพิมพ์หรือครับ
ลุงขนบ: หนังสือพิมพ์และก็หนังสือพระเครื่อง
ฉัตรธิดา: คิดว่าการอ่านหนังสือพระเครื่อง มีประโยชน์อย่างไรบ้าง
ลุงขนบ: มีเหมือนกันนะ ทำให้จิตใจเราแบบผ่องใสครับ มีความสุขอะไรอย่างเนี่ยนะ เพลิดเพลินด้วย
ฉัตรธิดา: ลุงจะแนะนำให้คนอื่นนั้นมาอ่านหนังสือพระได้มั๊ยคะ
ลุงขนบ: โอย ไม่ต้องบอกหรอกครับ เพราะหนังสือมันมีโฆษณาอยู่แล้ว ใครสนใจก็อันนี้เขาไม่ได้บังคับนี่ แล้วแต่ใครสนใจก็เอา จะธรรมะธรรมโมก็แล้วแต่
ฉัตรธิดา: คิดว่าจากที่เป็นคุณครูสอน สอนวิชาอะไรนะคะ
ลุงขนบ: ครั้งแรกเป็นครูน้อย แล้วก็มาเป็นผู้บริหาร
ฉัตรธิดา: คิดว่าการศึกษาที่เห็นในสมัยก่อนกับตอนสมัยนี้มีการพัฒนามากไหม
ลุงขนบ: โอ้ย แน่นอนเดี๋ยวนี้เขาพัฒนาไปไกลแล้ว ก้าวหน้าไปเยอะ สมัยก่อนมันยังไม่มีอะไรหลายอย่าง แต่ตอนนี้มีคงมีคอม งงไปหมด สมัยก่อนไม่มี
อนุรักษ์: คิดว่าหนังสือกับคอมพิวเตอร์ บทบาทอะไรสำคัญกว่ากันครับ
ลุงขนบ: ผมคิดว่าคอมพิวเตอร์น่าจะดีกว่า
ฉัตรธิดา: ทำไมคิดอย่างนั้นคะ
ลุงขนบ: ก็มันทันสมัย ทันเหตุการณ์ ก้าวทันโลกนะ
ฉัตรธิดา: แล้วถ้าเกิดไฟดับล่ะคะ
ลุงขนบ: ไฟดับก็จุดเทียนสิ ไฟดับมันก็ต้องหาเทียนมาจุด
ฉัตรธิดา: จุดเทียนใช้คอมไม่ได้นะคะ
ลุงขนบ: ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ก็ยังดีเดี๋ยวมันก็ต้องติดแล้ว ตอบแบบชาวบ้านนะ
ฉัตรธิดา: ลุงบอกว่าคอมดี แล้วลุงได้ใช้คอมหรือเปล่าคะ
ลุงขนบ: โอ้ยผมปลดฯก่อนนะ เริ่มจะได้ใช้พอดีผมเกษียณ ปลดมาสิบสี่ปีแล้ว
ฉัตรธิดา: งั้นจะขอถามอายุจะได้ไหมคะ
ลุงขนบ: อ๋อ เจ็ดสิบสี่แล้ว ยังไม่เกิดกันเลยมั้งเนี่ย สมัยนี้มันเกร่อแล้ว สมัยก่อนมันไม่ค่อยมี สมัยก่อนตอนผมเด็กๆ หลอดไฟยังไม่มีเลย ใช้แบบจุดตะเกียง
ฉัตรธิดา: คุณลุงคิดว่าคอมพิวเตอร์ให้ความรู้
ลุงขนบ: ให้ครับ ให้กว้างขวาง แต่ต้องรู้จักใช้นะ ไม่รู้จักใช้มันก็ไม่ดี ผมมันไม่ก้าวหน้า สมัยนี้ผมไม่ทันเด็กหรอก สมัยก่อนไอ้มือถงมือถือไม่มีทั้งนั้น โบราณนะกว่าจะได้ใช้ที โทรศัพท์ก็แทบยกมาเป็นอะไร คล้ายๆ ว่าเป็นหีบ โทรศัพท์มาทีก็วิทยุมากันทั้งหมู่บ้าน มีที่บ้านผู้ใหญ่บ้านเพียงแห่งเดียว
อนุรักษ์: คุณลุงดูโทรทัศน์ไหมครับ
ลุงขนบ: ดู
อนุรักษ์: จากเมื่อก่อนกับตอนสมัยนี้ คุณลุงคิดว่ามีการพัฒนาไปไกลไหมครับ
ลุงขนบ: ไกลมาก ไกลมากแบบทันโลกเลย ทั่วโลกก่อนไม่ค่อยรู้จักเลย จะรบสงครมสงครามอะไรก็ใช้โทรทัศน์ วิทยุเอาทั้งนั้นแหละ เพราะไม่รู้ไม่เห็น สมัยนี้เห็นตัวหมด เห็นอะไรหมด
อนุรักษ์: ส่วนใหญ่ดูโทรทัศน์ ลุงดูรายการอะไรครับ
ลุงขนบ: มันก็ทั่วไปนะ แต่ข่าวก็ชอบแล้วก็หนังจีน ยิ่งชอบเลย พวกฟันดาบนะ หนังอะไรที่ไม่มีประโยชน์ที่ไม่มีสาระก็ไม่ดู
อนุรักษ์: อย่างที่ลุงชอบดูหนังจีนนี่ เคยอ่านหนังสือพวกกำลังภายในมั๊ยครับ
ลุงขนบ: ไม่เคยอ่านหรอกได้แต่ดู
อนุรักษ์: แล้วบ้านลุงอยู่ตรงนี้หรอครับ
ลุงขนบ: ตอนนี้หรอ พักอยู่หาดวอนนภาศัพท์ ใกล้โรงเรียนโน้น
ฉัตรธิดา: กิจวัตรประจำวันของลุงนี่ทำอะไรบ้างคะ ในหนึ่งวัน
ลุงขนบ: มันก็อยู่กับหลานไม่ได้ทำอะไรหรอก บางทีก็มาเล่นหมากรุกหมดเวลาไปวันๆ คลายเครียดไม่รู้จะไปไหน
ฉัตรธิดา: คิดว่าลุงได้ประโยชน์อะไรจากหมากรุกบ้าง
ลุงขนบ: ฝึกสมองด้วย ทำให้ไม่เป็นโรค อะไรนะ โรคไอ้สมองเสื่อมนะ ไซเมอร์ ไซเมอร์ อะไรเนี่ยแหละ
ฉัตรธิดา: สอนหนูเล่นหมากรุกบ้างจะได้ไหมคะ
ลุงขนบ: สอน ผมสอนไม่ได้อ่ะ น้องเก่งกว่าแล้วสมัยนี้ สอนใครไม่ได้หรอก
ฉัตรธิดา: หนูเล่นหมากรุกไม่เป็น
ลุงขนบ: ไม่เป็นก็สอนได้ ผมเป็นคนเล่นไม่ค่อยเป็นเท่าไหร่หรอก เล่นเอาสนุกไปวันๆ
อนุรักษ์: ลุงเล่นศึกษาเองหรือครับ
ลุงขนบ: ครับ มาเล่นตอนเป็นครูใหม่ๆ
อนุรักษ์: แล้วลุงเดินทางมาร้านนี้ยังไงครับ
ลุงขนบ: ไหนครับ มารถเครื่อง ผมมีรถใหญ่ที่บ้านแต่ขับไม่เป็น มีรถเครื่องเก่าๆ สามสิบกว่าปีแล้ว
ฉัตรธิดา: แล้วมาเล่นหมากรุกที่นี่ ทุกวันเลยหรอคะ
ลุงขนบ: แทบทุกวันครับ แทบน่ะ ไม่ใช่ทุกวัน แต่ก็เกือบๆ ทุกวัน วันไหนไม่ว่างเพราะติดธุระ ก็ไม่ได้มา ที่เล่นเยอะไปทางตาลล้อมก็มี แต่นักเล่นเค้ามาทางนี้ ทางนู้นก็ไม่มีคน มันหายไป หายไป
อนุรักษ์: เป็นกลุ่มคนเล่นเลยหรอครับ
ลุงขนบ: พอมีสี่ห้าคน บางคนเค้าเล่นพนัน แต่ผมพนันไม่เป็น เสียดายเงิน เพื่อนอยากกินอะไรก็เลี้ยงได้ พนันมันมือสั่นมันไม่กล้า ถ้ากินเลี้ยงก็เลี้ยงได้ ถ้าเล่นแพ้เลย บุหรี่ก็สูบไม่เป็นนะ เหล้าก็ไม่กิน พวกที่มาเล่นที่เมามาผมก็ไล่ออกไปเรื่อย เมาแล้วพูดไปเรื่อย
อนุรักษ์: แล้วหนังสือพระที่ลุงอ่าน ซื้อเองเลยหรอครับ
ลุงขนบ: ซื้อ
ฉัตรธิดา: แล้วอัตราการซื้อบ่อยไหมคะ
ลุงขนบ: ไม่บ่อยแล้ว แต่ก่อนบ่อย ซื้อเป็นพันๆ เช่าพระบางครั้งก็เป็นหมื่น องค์เป็นหมื่นกว่าบาทก็มีบางทีก็เป็นหมื่นห้า เปลืองเงิน เราชอบนี่แต่ขายไม่ค่อยได้ แต่ก่อนยังมีขายได้เป็นแสนนะ ตอนนี้ขายไม่ออก เพราะว่าเศรษฐกิจไม่ดี มีก็แต่พวกแลก พระเราดีๆ ไปแลกกับพระเก๊ก็มีโอ้ยโดนบ่อย
ฉัตรธิดา: ส่วนใหญ่ลุงไปดูแหล่งดูพระที่ไหน
ลุงขนบ: ก็ไม่ค่อยได้ไปนะ แต่ตอนนี้เขามาที่บ้านเองเลย เซียนพระเขาจะมา มาที่บ้าน มาเช่า มาแลก
ฉัตรธิดา: แล้วเวลาจะซื้อหนังสือพระนี่ไปซื้อที่ไหนคะ
ลุงขนบ: หนองมนครับ
อนุรักษ์: ที่ในห้างแหลมทองมีไหมครับ
ลุงขนบ: ห้างไหน
อนุรักษ์: ห้างแหลมทอง ร้านหนังสือเข้าไปไหมครับ
ลุงขนบ: โอ๊ย บ่อย เคยเข้าไปดูแต่ไม่ชอบ ดูอย่างเดียวแต่ไม่ซื้อ
อนุรักษ์: มีหนังสือพระมั๊ยครับ
ลุงขนบ: มีหลายอย่าง มีๆ แต่ไม่ได้สนใจหรอก
อนุรักษ์: ร้านที่ไปซื้อนี่ ร้านคนรู้จักหรือครับ
ลุงขนบ: ร้านเกษากรนี่ไง ที่ขายหนังสือพงหนังสือพิมพ์ ด้วยไง
ฉัตรธิดา: เห็นบอกเป็นร้านใหญ่
ลุงขนบ: อืมๆ ร้านใหญ่ นี่อยู่เอกอะไรกันครับ
ฉัตรธิดา/อนุรักษ์: บรรณาธิการศึกษาค่ะ/ครับ
ลุงขนบ: ฮึ บรรณาธิการ พวกหนังสือพิมพ์หรอ
ฉัตรธิดา: เปล่าค่ะ เราเป็นพวกหนังสือเล่ม
ลุงขนบ: อ้าว หนังสือเล่มหรอ ผมไม่รู้ ออกมาไม่เคยเจอไม่เคยได้ยิน
ฉัตรธิดา: เป็นหนังสือทั่วไปแหละคะ
ลุงขนบ: ทั่วไป
ฉัตรธิดา: อ่านเล่น แล้วก็จะมี บรรณาธิการ คอยดูแลนะคะ
ลุงขนบ: มีหลายอย่างนะ หนังสือพิมพ์ก็ได้ หนังสือพระ หนังสืออะไรก็ได้
ฉัตรธิดา: มีนิตยสารด้วยคะ
ลุงขนบ: นิตยสาร
ฉัตรธิดา: คืออะไรที่เป็นเล่มนะคะ
ลุงขนบ: ครับๆ อือเรียนแบบนี้ด้วย สมัยก่อนไม่มี
ฉัตรธิดา: เป็นครั้งแรกเหมือนกันค่ะ
ลุงขนบ: เมื่อก่อนไม่ค่อยมี
ฉัตรธิดา: แล้วหนูเป็นรุ่นแรกด้วยนะคะ
ลุงขนบ: มันไปถึงนู้นเลยนะ สมัยก่อนไม่ค่อยมี พึ่งเคยเจอเนี่ยแหละ เยอะแยะออกใหม่
อนุรักษ์: คุณลุงมีความคิดเห็นเกี่ยวกับหนังสือสมัยนี้อย่างไรบ้างครับ
ลุงขนบ: สมัยนี้กับสมัยโบราณหรือฮะ ปัจจุบันมันดีกว่าเยอะ ก้าวหน้านะครับ แต่มันจะเสียเรื่องศีลธรรมมีน้อยไปหน่อย ส่วนมากมันจะเห็นแก่ตัว คือใครปากยาวสาวได้สาวเอาเลยล่ะ ไม่เหมือนโบราณ โบราณเนี่ยมีเพื่อน สมัยนี้มันไม่มี แม้กระทั่ง ต้นกระทงกระเทียม มันขายได้หมด โหระพงโหระพา แต่ก่อนให้ฟรี เดี๋ยวนี้เสียเงินหมด เป็นเงินหมดหายใจเป็นเงินเป็นทอง
อนุรักษ์: หนังสือพระที่ลุงอ่านตั้งแต่อดีต และปัจจุบันนี้เหมือนกันหรือเปล่าครับ
ลุงขนบ: มันก็คล้ายๆ ใกล้เคียงกันนะ เขียนบอกอย่างเห็นๆ รูปร่างลักษณะของพระแต่ละรูป เป็นยังไง อย่างนี้เรียกอะไร เป็นอย่างนั้น
ฉัตรธิดา: ภาษาในหนังสือพิมพ์ล่ะคะ คิดว่ารุนแรงไหม
ลุงขนบ: เอ่อ มันก็รุนแรงนะกับสื่อบางอย่าง มันก็เชื่อไม่ค่อยได้หรอก เพราะเห็นแก่เงิน คนไหนให้เงิน มันก็เอาสมัยก่อนมันยังเคยเอาผมไปลงเล่นหมากรุกเลย อะไรอ่ะ เลิกเรียนแล้วมันไม่เกี่ยวกันแล้ว เออไม่ได้เล่นในเวลาราชการนี่ อย่างคุณตอนเย็นเลิกเรียน นิสิตจบแล้ว เราจะทำอะไรก็ได้ ตอนหลังมันดีใหญ่ ไปไหนกระถงกฐินอะไร มันมาเรื่อยจ่ายให้มันไปเรื่อย แหมมันดีใจใหญ่ แต่ก่อนเราไม่เคยเข้าไปยุ่ง ไม่หรอกไม่เคยประจบ ประจบไม่เป็น ผมรับราชการไม่ค่อยเจริญเท่าไหร่ เพราะว่ามันไม่มีเจ้านาย เจ้านายสมัยนี้มันชอบเจ้านายนะ ใครๆ ไม่ชอบเจ้านาย ผมไม่เชื่อหรอก ผมมีคติอยู่อันหนึ่งนะ แต่มันหยาบหน่อยนะ ขอพูดถึงเลยนะ “สายโลหิต (สายโลหิตที่เกิดมานะ) ศิษย์ตามนาย สายอีหนู สู้ไม่ถอย ล่อไข่แดง แกร่งวิชา(แกร่งวิชานี่ไม่ค่อยเท่าไหร่) คนเก่งไม่ค่อยได้เจริญเท่าไหร่ ” คนไหนติดตามนายก็จะได้ แต่ก็สู้สายโลหิตไม่ได้ มันจริงเปล่าไม่รู้นะ ไอ้เรามันไม่ค่อยก้าวหน้า ติดตามนายไม่เป็น ประจบไม่เป็น คนไหนแกร่งวิชาได้นิดเดียว รับราชการบางอย่างต้องเข้าเขานะ เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม ไม่งั้นตาย คติเป็นอย่างนั้น และก็ไม่ผิดด้วยนะ บางคนอยากเลื่อนขั้นหาเด็กให้เจ้านาย เฮียผมยังเอาเลย ไม่หยาบนะ ต้องหาให้เจ้านายเหมือนก่อน ตอนหลังได้ 2 ขั้น เมื่อก่อนไม่ค่อยได้ ลองให้เพื่อนติดต่อให้ แต่เราออกเงิน
ลุงกิตติ: ครูเขาเปิดเผยความจริงออกมา
ลุงขนบ: เอ้า เรื่องจริง รับราชการมันเป็นอย่างนั้น ไม่งั้นไม่รุ่ง แต่ก่อนผมชอบฝ่ายค้าน แต่ไม่เจริญนะ
ลุงกิตติ: ต้องมีเส้นมีสายใช่ไหม
ลุงขนบ: แหมไอ้ 2 ขั้นที่ได้มาเพราะ หาเด็กให้เจ้านาย แหมได้งานจริงๆ เรื่องจริงนะ จะมาว่าลุงหยาบไม่ได้นะ พูดให้ฟังมันเป็นแบบนี้ รับราชการบางอย่างต้องเอาเจ้านาย
ลุงกิตติ: ดังนั้นการเมืองต้องมีพวกมีเส้นสาย
ลุงขนบ: ก็ต้องมีใครไม่มีไม่ได้ แย่เลย เราสิทีแรกไม่รู้ ขนาดเอาหน่อยๆ ยังได้ 5 หนไม่งั้นบางคนเขาได้เป็นสิบๆ มันได้ผลตอนเวลาบำนาญเรานี้แหละถ้าเราไปเร็วมันได้เร็ว ถ้าไม่งั้นเราได้เงินนิดเดียว นี่ปัจจุบันก็ได้สองหมื่นกว่าบาทโบราณนะ แหมสมัยนี้ก็บานแล้วห้าหกหมื่นไปเร็ว สมัยก่อนไม่มีผอ. เดี๋ยวนี้อะไรนะ เด็ก ครูใหญ่ อาจารย์ใหญ่ ไม่มีแล้วนา ผอ.หมด เงินประจำตำแหน่งมีแล้ว สมัยโบราณนะกว่าจะได้ต้องไปทำงานแทบตาย ตอนนั้นผมจะเป็น ผมจะเข้าทำเป็นอาจารย์ใหญ่ ต้องเข้าหา ดร.สุระ นะที่กรุงเทพฯ แหมต้องเข้าหาตัวใหญ่ๆ นะ ยังไม่ค่อยได้เลย เค้ามีตำแหน่งให้สมัยนี้ได้หมด
ลุงกิตติ: คณะอะไรนะ
อนุรักษ์: มนุษยศาสตร์ฯ ครับ
ลุงขนบ: มนุษยศาสตร์หรอ พวกนี้เก่งภาษาไทย ลูกสาวก็เรียนมนุษยศาสตร์ฯ นะ ตอนนี้สอนอยู่สมุทรฯ
ฉัตรธิดา: เป็นคุณครูหรอคะ
ลุงขนบ: ลูกสาวคนโตเป็นครู เค้าเป็นอาจารย์สามแล้วนะ ไปเร็วเด็กสมัยใหม่ รุ่นผมกว่าจะได้ตั้งปีโอ้ย นานจริงๆ บรรจุครั้งแรก 450 บาทเท่านั้นแหละ เงินเดือนนะ เพราะสมัยก่อนจบหกใช่มั๊ย แล้วผมก็มาสอบ อะไรนะ เขาเรียก เรียนปริญญาตรีเอาทีหลัง ไม่งั้นไม่ได้ เด็กสมัยนี้เค้าจบปริญญาปั๊บ อะไรนี่ (อ้าวเขาฟังผมโม้เพลินจนจะหลับไปแล้วนี่)
อนุรักษ์ / ฉัตรธิดา: ไม่เป็นไรครับคุยได้ คุณลุงอยากจะเล่าอะไรให้ฟังอีก เล่าได้เลยคะ
ลุงขนบ: อืม
อนุรักษ์: นิตยสารที่ลุงอ่านเป็นพระอย่างเดียวเลยหรอครับ ชื่ออะไรบ้าง
ลุงขนบ: โอ้ยมันมีชื่อแยะ เหลือเกินจำไม่ได้ มันมีหลายสีหลายคณะแข่งกัน ไม่มีเจ้าเดียวมีหลายเจ้า แต่ก่อนก็เคยอ่านของเชียร์ เชียร์นิตยสาร อะไรน่ะ จำไม่ค่อยได้แล้ว ปีนี้ไม่ค่อยได้สนใจแล้ว
ลุงขนบ: อะไรๆ เอามาอ่านสิ
ลุงกิตติ: ของลูกสาว
ลุงขนบ: ลูกสาวเรียนปริญญาตรีด้วยไม่ใช่เรอะ
ลุงขนบ: ก็นี่ไงปี 3 คณะมนุษย์ฯ เหมือนกัน
ลุงกิตติ: เรียนที่นี่หรอ อ๋อนี่ไงชื่อหมู่บ้านเขามีความหมายนะ มีอย่างไร หมู่บ้านนี้ก็ต้องมีประวัตินะ สมัย
ลุงขนบ: หนองมน ก่อนเขาเป็นน้ำมนต์ไง พระมาทำน้ำมนต์
ลุงกิตติ: หา
ลุงขนบ: อ้าวเขาเป็นน้ำมนต์นะ ไม่งั้นเขาจะชื่อหนองมนหรอ ไม่ไงจะชื่อหนองมนต์ได้ไง พระมาทำน้ำมนต์ คนก็มาอยู่กัน ทีแรกเรียกน้ำมนต์ก่อน ตรงที่เป็นหนองมน อย่างห้วยกะปิ ก็เพราะ กุ้งเยอะทำกะปิไง ขาก็เลยเรียกห้วยกะปิ
ลุงกิตติ: เฮ้ย เขามาจากชื่อคลองไม่ใช่เหรอ
ลุงขนบ: ไม่ใช่หรอกเขามาจากห้วย ห้วยก็เป็นห้วยน้ำ
ลุงขนบ: อย่างมาบมะยมที่ก็ต้นมะยมเยอะ
อนุรักษ์: แล้วหาดวอนละครับ หาดวอนนภา
ลุงขนบ: ก็นี่ไงยายวอน ยายวอนนภาศัพท์เขามาซื้อที่ไว้ไง ชื่อวอน คุณนายวอน นามสกุลนภาศัพท์ เป็นเมียหมอชิต แต่แกไม่ชอบแต่งตัวใครๆ ก็นึกว่าแกเป็นคนใช้นะ แกเป็นคนซื้อที่หาด แล้วก็ถวายให้พระราชินี นิดเดียว ไร่หนึ่งจะไปพออะไร
ลุงกิตติ: ก็ยังดีที่เขายังไง
ฉัตรธิดา: เมื่อนี้ม.บูรพา เป็นป่าชายเลนหมดเลยหรอคะ
ลุงขนบ: ตอนมามันยังไม่เป็น เป็นป่ารกรุงรังพูดง่ายๆว่ามันเป็นทุ่งเลี้ยงสัตว์ เป็นทุ่งเลย เลี้ยงวัวเลี้ยงควายเยอะ ก็แบบนั้นเต็มไปหมด
ลุงขนบ: ก็เหมือน พักยง ลูกน้องผมนะไปทำงาน เป็นครูใหญ่ เขาว่ามีแต่ทุ่ง โคกกระลุ่น ไร่มุมโค้ง ไร่ไม่กี่เท่าไร ไร่มีแต่ขี้หมาขี้อะไรทั้งนั้น ไร่ไม่ถึงพันนะ เดี๋ยวนี้ไม่รู้กี่สิบล้าน เขาบอกว่าเขามาใหม่ เขามีเงินมาหมื่นหนึ่งถ้าซื้อที่ไว้ ป่านนี้รวยไปแล้ว เมื่อก่อนเศรษฐกิจ ก๋วยเตี๋ยวมันชามไม่เท่าไหร่ ตอนผมบรรจุใหม่ๆ 450 นะ ทองบาทหนึ่ง 380บาท ก๋วยเตี๋ยวชามละบาทเอง
อนุรักษ์: สอน พ.ศ. อะไรครับ
ลุงขนบ: 2498
ลุงกิตติ: อ้าวจดไปเลย ความรู้ไม่มีในห้อง ข้อมูลดีๆ ทั้งนั้นแหละ แล้วมันได้ของแท้หรอ
ลุงขนบ: ของแท้สิของจริงๆ แต่ก่อนเงินเดือนพอซื้อทองได้บาทหนึ่ง เดี๋ยวนี้คนเงินเดือนเป็นหมื่นไม่พอซื้อทอง 450 เมื่อก่อนยังเหลือ เดี๋ยวนี้ไม่พอซื้อทอง
เพื่อนของลุงขนบ: มาๆ เล่นๆ หมากรุก
ลุงขนบ: เฮีย เขามาสัมภาษณ์ผมนะ
1 ความคิดเห็น:
:-D Awesome!!!
แสดงความคิดเห็น